วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2551

++ ประวัติของสี่เต่าทอง ++

เดอะบีทเทิลส์ (The Beatles) หรือวงสี่เต่าทอง เป็นวงร็อกแอนด์โรลจากเมืองลิเวอร์พูลประกอบด้วยสมาชิกจอห์น เลนนอน, พอล แม็คคาร์ตนีย์, จอร์จ แฮรริสันและ ริงโก สตารร์

รับความนิยมอย่างสูงสุดในช่วงปี 1963-1969 เป็นวงที่ถือสถิติเพลงอันดับ 1 มากที่สุดทั้งในอังกฤษและอเมริกา (ในอังกฤษ 17 ซิงเกิ้ล ในอเมริกา 20 ซิงเกิ้ล) ส่วนอัลบั้ม วงเดอะบีทเทิลส์ ถือเป็นวงดนตรีที่ขายดีที่สุดในโลก คือขายไปมากกว่า 480,000,000 ก๊อบปี้แล้ว ราว 166 ล้าน เป็นยอดขายเฉพาะในอเมริกา

ในยุคต้นของพวกเขา มีเพลงดังอย่าง She Loves You, Twist And Shout, I Want To Hold Your Hand, Please Please Me ในยุคที่ 2 ในชุด Help, Rubber Soul หรือ Revolver และผลงานอยู่ในช่วงพีคสุดอย่าง Sgt.Pepper Lonely Heart Club Band, Magical Mystery Tour และ White Album ก่อนที่จะจบลงด้วย 2 อัลบั้มสุดท้ายอย่าง Let It Be และ Abbey Road

บุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายหรือสารเคมี
ที่ทำให้ผลงานอันยอดเยี่ยมที่กล่าวมานี้สมบูรณ์แบบเป็นอมตะ ต้องยกให้กับโปรดิวเซอร์
ของวงอย่าง จอร์จ มาร์ติน ผู้ที่อยู่เคียงข้างเหล่าสี่เต่าทองตั้งแต่เริ่มเรียนรู้วิธีการ
เขียนเพลงและการทำงานให้ห้องบันทึกเสียงจนสมาชิกในวงกลายเป็นนักแต่งเพลง
ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกกันหมด

+++ มาระลึกถึง บิล แชงคลี่ย์ กันเถอะ +++



.....พอดีไปอ่านนสพ.ผู้จัดการมาครับที่ระลึกถึง เอมลีน ฮิวจ์ เขาเขียนถึงว่าตอนที่ แชงคลี่ย์ ไปเซ็นต์เอา
เอมลีน ฮิวจ์ มาจากแบล็คพูล เขาพูดติดตลกว่า
"รีบไปจากที่นี่กันเถอะก่อนที่คนแบล็คพูลจะรู้ตัวว่าเขากำลังจะเสียอะไรไป"


อันนี้ ผมเพิ่งอ่านเจอเป็นครั้งแรก แต่ก็รู้ว่า อืม...อันนี้มันสไตล์แชงคลีย์จริงๆ
ยังมีประโยคเด็ดๆอีกเยอะ จากตำนานของเราครับ ฟังแล้วอยากให้เราไปเกิดยุคนั้นจัง
ลองอ่านดุนะครับ แล้วจะเข้าใจส่วนหนึ่งของผู้ชายที่ชาวลิเวอร์พัทเลี่ยนบอกว่า "เขาทำให้พวกเรามีความสุข"


"คนทั่วไปมักจะพูดกันกว่าฟุตบอลสำคัญเท่ากับชีวิตและความตาย ซึ่งผมจะบอกว่าไม่จริงเลย ....ฟุตบอลสำคัญมากกว่านั้น"
- บิลพูดถึงฟุตบอล

"ผมต้องการสร้างทีมที่ไร้เทียมทาน จนกระทั่งเป็นทีมที่มีแต่มนุษย์ดาวอังคารเท่านั้นที่จะเอาชนะเราได้"
-บิลพูดถึงทีมลิเวอร์พูล

"อ่า ใช่ครับ ฟุตบอลเตะกัน 90 นาทีก็จริง แต่ผมฝึกลูกทีมมาให้เล่นได้ 180 นาที คือว่าทีมผมเนี่ยพอแข่งจบแล้วจะให้เตะอีกแมตช์เลยก็ได้"
-บิลพูดถึงความฟิตของลูกทีม


"มันมีไว้เพื่อเตือนเด็กๆของเราว่าเขากำลังเล่นเพื่อใคร และเพื่อเตือนคู่ต่อสู้ว่าพวกเขากำลังจะต้องเจอกับใคร"
-บิลพูดถึงป้าย Thsi is Anfield

"คนทั่วไปชอบใช้คำว่า คลั่งไคล้ นะ แต่ผมคิดว่าสำหรับพวกเขาแล้วแค่คำว่า คลั่งไคล้ คงไม่พอ
สำหรับพวกเขาลิเวอร์พูลเป็นเหมือนศาสนา เวลาที่พวกเขามาที่นี่ เขามาเพื่อทำสงคราม แอนฟิลด์ไม่ใช่แค่สนามฟุตบอล
แต่มันคือวิหารศักดิ์สิทธิ์"
-บิลพูดถึง The Kop

"ถ้าพวกเอ็งเป็นที่หนึ่ง เอ็งก็เป็นที่หนึ่ง ถ้าพวกเอ็งเป็นที่สอง เอ็งก็ไม่มีความหมาย"
-บิลพูดกับทีมเยาวชน

"ผมเป็นผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดในอังกฤษเพราะผมไม่เคยใช้เล่ห์เหลี่ยมหรือโกงใคร ถ้าผมแข่งกับเมียผมผมอาจจะหักขาเธอ แต่ผมจะไม่มีวันโกงเธอ"

ก่อนเกมส์กับเวสต์แฮมที่ตอนนั้นมีตัวแชมป์โลก 3 คนคือ มาร์ติน ปีเตอร์ส, เจ๊ฟ เฮิร์ส, บ็อบบี้ มัวร์
เขาเดินมาบอกผมว่า "เฮ้ เจ้าหนู ชั้นเพิ่งไปเจอ บ็อบบี้ มัวร์ มา แม่มทั้งอ้วนฉุ แถมยังเมาค้างอีกตะหาก
สงสัยจะเตะไม่ไหว" ผมออกไปยิงสองประตูแล้วเราก็ชนะไป 3-0 หลังเกมส์เขาเดินมาบอกผมว่า
"เฮ้ย เจ้าหนู เอ็งเพิ่งชนะนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกไปนะ"
-คีแกนพูดถึงบิล

"ใช่ โรเจอร์ ฮันท์ ยิงพลาดไปบ้างก็จริง แต่อย่างน้อยเขาก็ไปถูกที่ถึงได้มีโอกาสยิงพลาด"
-บิลพูดกับนักข่าว


"ตอนที่ผมมาถึง บิลพาผมไปเดินดูทุกซอกของแอนฟิลด์ กระทั่งพาไปดูห้องน้ำ เขาพาผมไปดูสนามและสแตนด์ของเดอะค็อป
แล้วก็บอกผมว่า ผมจะได้เล่นต่อหน้าแฟนบอลที่ดีที่สุดในโลก แล้วเขาก็พาผมไปดูสนามซ้อมที่เมลวู้ด
พอเขาใกล้จะเสร็จ ถึงตอนนั้นคุณก็จะไม่สนแล้วล่ะว่าคุณจะได้ค่าจ้างหรือโบนัสเท่าไหร่ คุณแค่อยากจะเอาสัญญามาแล้วก็
ใส่ชื่อลงไปให้เร็วที่สุด "
- เรย์ คลีเมนซ์ พูดถึงบิล

"ผมจำได้ว่าก่อนเกมส์กับอันเดอร์เลชท์ แชมป์เบลเยี่ยมในตอนนั้น ก่อนเกมส์เขาเดินมาบอกผมว่า
ไม่มีปัญหา เจ้าหนู นั่นมันทีมขยะชัดๆ เขาคงขออนุมัติเป็นกรณีพิเศษถึงได้มาเตะกับเรามั่งเนี่ย หลังเกมส์ที่เรา

เอาชนะไป 3-0 เขาเดินมาบอกพวกเราว่า เฮ้ย เจ้าหนู พวกเอ็งเพิ่งชนะหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดของยุโรปนะ"
- ทอมมี่ สมิธพูดถึงบิล

"ผมยังจำได้ตอนที่ผมเพิ่งเริ่มเล่นใหม่ๆ ผมนั่งรถไปกับบิลแล้วโดนตำรวจเรียกข้อหาขับรถผิดกฎ
บิลลงไปโวยวายใหญ่ เขาบอกตำรวจว่า เอ็ง! รู้รึเปล่าว่าใครนั่งอยู่ในรถ นั่นมันกัปตันทีมชาติอังกฤษในอนาคตนะโว้ย
...แล้ววันหนึ่ง ผมก็กลายเป็นกัปตันทีมชาติจริงๆ"
- เอมลีน ฮิวจ์ พูดถึงบิล (R.I.P Emlyn)

"ผมจำได้ตอนที่เราได้แชมป์ตอนปี 74 ผู้คน 300,000 คน ออกมาฉลองกันทั่วเมือง แล้วทั้งเมืองก็เต็มไปด้วยสีแดง เรายืนอยู่บนรถบัส
แล้วบิลก็ถามผมขึ้นมาว่าประธานาธิบดีของจีนคนนั้นชื่ออะไรนะ ผมตอบเขาว่าท่านประธานเหมาน่ะเหรอ
แล้วเขาก็บอกว่า
อ่า...ใช่ท่านประธานเหมาคนนั้นนั่นแหละ ไม่รู้สินะว่าเขาจะเคยเห็นกองทัพสีแดงที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้รึเปล่า "
- ไบรอัน ฮอล พูดถึงบิล

"เอาผ้าพันแผลนั่นออกซะเจ้าหนู!! แล้วแกบ่นเรื่องเข่าอะไรของแกนะ? นั่นมันเข่าของลิเวอร์พูลโว้ย"
-บิลตะโกนใส่กับทอมมี่ สมิธที่มาถึงสนามซ้อมพร้อมกับผ้าพันแผลที่เข่า


"ถ้าเขาไม่ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของปี ฟุตบอลก็สมควรจะต้องเลิกเล่นได้แล้ว แล้วใครที่ไปเลือกนักเตะคนอื่นก็สมควรจะถูกส่งไปเกรมลิน"
-บิลพูดถึงทอมมี่ สมิธ


"เฮ้ย ไอ้ลูกชาย ...ออกไป แล้วก็เอารายชื่อโรงพยาบาลไปให้พวกมันเลือกซะเลย"
- ประโยคที่บิลมักจะพูดกับทอมมี่ สมิธ (ทอมมี่เป็นนักเตะฮาร์ดแมนที่เล่นหนักมาก)

คลีเมนซ์พูดว่า "โทษครับ บอส ตอนนั้นผมน่าจะหุบขาไว้" บิลตอบฉับพลันว่า "ไม่ใช่หรอกเจ้าหนู! แม่เอ็งต่างหากที่น่าจะหุบขาไว้ตอนเอ็งเกิด"
- บิลโมโหใส่ เรย์ คลีเมนซ์ ที่เสียประตูเพราะทำลูกหลุดใต้ขา

555..... อันนี้พูดถึง เอฟเวอร์ตัน

"สิ่งที่สำคัญของฟุตบอลคือความเชื่อมั่น คุณต้องเชื่อมั่นว่าตนเองยอดเยี่ยมที่สุด แล้วคุณก็จะชนะ ผมพูดเสมอว่าที่เมืองลิเวอร์พูลของเรามีทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดสองทีม ...ทีมลิเวอร์พูลและทีมสำรองลิเวอร์พูล"
-บิลพูดกับนักข่าว



"ผมบอกอลัน ว่า เฮ้ย ไม่เป็นหรอกเจ้าหนู อย่างน้อยเอ็งก็ได้เล่นใกล้กับทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก"
-บิลพูดถึง อลัน บอล ที่เซ็นต์สัญญากับเอฟเวอร์ตัน

"ผมรู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าแต่ผมคิดว่าดิ๊กซี่คงแปลกใจที่งานศพของเขามีคนเข้าร่วมมากกว่าเกมส์ที่เอฟเวอร์ตัน
เตะซะอีก"
- บิลพูดในงานศพ ดิ๊กซี่ ดีน

"ถ้าพวกเขามาเตะที่สนามหลังบ้านผมล่ะก็ ผมจะปิดม่านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้"
- บิลพูดถึงเอฟเวอร์ตัน

สิ่งที่ผมชอบที่สุดสำหรับ บิล แชงคลีย์ คือ เข้าเน้นมากที่สุดเรื่อง "ทีมสปิริต" นั่นคือ การทุ่มเทเต็มร้อยเพื่อทีม ไม่ใช่การโชว์ออฟ

"ที่ลิเวอร์พูล เราเป็นทีมกรรมกร เราไม่มีที่ว่างให้กับนักบอลมหัศจรรย์อะไรเทือกนั้นหรอก
ที่นี่นักเตะทุกคนเป็นเหมือนคนงานที่ต้องทำทุกอย่างตามแผนของผม...เพื่อทีม"
- บิลพูดถึงทีม

"เปลวไฟที่ระอุในตัวพวกเขานั้น เกิดจากความภาคภูมิใจในและความหลงใหลที่มีต่อการได้ใส่ เสื้อสีแดง ผมไม่จำเป็นต้องไปกระตุ้นอะไร
ลูกทีมเลย ทุกๆคนล้วนรับผิดชอบผลงานของทีมเท่าเทียมกันหมด ความภาคภูมิใจที่ได้เป็น ผู้เล่นของลิเวอร์พูล เท่านั้นแหละที่เป็นแรงกระตุ้นที่ดีที่สุด"
- บิลพูดถึงทีม

"นี่คือทีมที่ทุกคนมีทักษะและความสามารถเฉพาะตัว เป็นทีมที่หิวกระหายแล้วก็พร้อมจะทำทุกๆอย่างเพื่อผลประโยชน์ของทีม"
- บิลพูดถึงทีม

"ที่สุดแล้ว ฟุตบอลก็เป็นแค่เกมส์ง่ายๆ คุณก็แค่ต้องรับลูก, ส่งลูก, พยายามรักษาบอลไว้ให้ดี แล้วก็พยายามหาที่ว่างเพื่อรับลูกต่อไป มันออกจะง่ายเกินไปด้วยซ้ำ"
-บิลพูดถึงฟุตบอล

"ความเจ็บป่วยจะไม่มีวันพรากผมไปจากสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่อไหร่ที่ผมตายไป ผมจะให้พวกเขาเอาอัฐิผมมาไว้ที่สนาม วางไปบนอัฒจรรย์ แล้วก็เจาะรูไว้บนฝา"
- บิลพูดหลังเอาชนะเอฟเวอร์ตันในรอบรองปี 71


"ผมมีความคิดที่จะสร้างลิเวอร์พูลให้เป็นเหมือนกับป้อมปราการที่ไม่มีวันพ่ายแพ้ นโปเลียนก็มีความฝันเหมือนผม เขาต้องการเอาชนะให้หมดทั้งโลก
และผมก็ต้องการให้ลิเวอร์พูลให้ไร้เทียมทาน ผมจะทำให้ลิเวอร์พูลยิ่งเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งทุกคนต้องยอมแพ้และหันมาจำนนกับเรา"


"สิ่งสุดท้าย ที่ผมอยากจะเป็นที่จดจำของทุกคนคือ ความเป็นชายที่ไม่เห็นแก่ตัว ผู้ที่ทุ่มเทและเป็นกังวลเสมอกับทีมเพื่อที่เราจะได้มีเกียรติยศร่วมกัน
ผู้ที่ได้สร้างครอบครัวของเรา ที่ทุกคนจะเชิดหน้าขึ้นสูงและกล่าวอย่างภาคภูมิได้ว่า 'พวกเราคือลิเวอร์พูล' "


"I was only in the game for the love of football - and I wanted to bring back happiness to the people of Liverpool."